วิลล่าดีแค่ 80 นาทีและผีเรียก folder เดิม

ณ เอติฮัด สเตเดียม เราเกือบจะได้เห็นเกมที่บอลผ่านกรอบเขตโทษระยะ 6 หลามากที่สุดเกมหนึ่งในพรีเมียร์ลีกแต่กำลังจะจบลงที่สกอร์ 0-0
แต่บอลเล่นกัน 90 นาทีไม่ใช่ 80 นาทีทำให้ภาระกิจเสี่ยงตายทั้งบล็อกทั้งแหย่สกัดจากแนวรับ แอสตัน วิลล่า ที่ทำได้ดีมาตลอดต้องจบเห่เพราะความผิดพลาดเพียงหนเดียว
จุดเริ่มต้นของความฉิบหายมาจากความประมาทของ ไทโรน มิงส์ ที่รู้ทั้งรู้ว่ามี โรดรี้ ของแมนฯซิตี้ อยู่ด้านหลัง (เหลือบมองก่อนทีนึง) แต่แทนที่จะเลือกโหม่งทิ้งแต่กลับพักอกเอาบอลลง
ทันทีที่สัมผัสบอล โรดรี้ ที่มาจากตำแหน่งล้ำหน้าจึงไม่ล้ำและเข้าแย่งจากด้านหลังจนเป็นที่มาของประตู 1-0 จาก แบร์นาโด้ ซิลวา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ มิงส์ พยายามเล่นยากในเขตอันตรายเพียงแต่ยังไม่โดนลงโทษซึ่งกองหลังทีมชาติอังกฤษคล้ายๆกับ VvD คือคุณสมบัติครบ ใหญ่,สูง,ไว และอ่านทางดี
อาวุธครบมือแบบนี้ความมั่นใจเกินเหตุเปลี่ยนมาเป็นความประมาทและส่งผลถึงพาเพื่อนและทีมแพ้ในเกมที่น่าจะแบ่งแต้มได้อย่างที่สุด
ครึ่งแรกหากใครได้ดูเกมที่ เอติฮัด สเตเดียม เซนส์มันบอกว่าดวงของ “เรือใบ” น่าจะหมดแล้วเพราะโอกาสเยอะมากเรียกว่าพับสนามเกือบข้างเดียวจากการเพรสแดนบนอย่างหนักถึง 4-5 ตัว
ฝั่ง วิลล่า ไม่กล้าที่จะแกะเพรสออกมาจึงพยายามส่งให้ตัวรุกตรงริมเส้นเพื่อลดความเสี่ยงตรงกลางแต่บอลที่ส่งมานั้นไม่มีความพร้อมทั้งคนส่งและคนรับ
กล่าวคือคนส่งไม่มีเวลาและมุมให้เลือกจ่ายส่วนคนรับโดนตามคุมแจ บอลที่ถูกส่งมาบางทียังไม่พร้อมก็โดนเข้าทันที
ทั้งหมดทั้งมวลทำให้เกมจึงวันเวย์เพียงแต่จบลงที่สกอร์ 0-0 เพราะแนวรับทีมเยือนโคตรอภิมหาไว การล้มตัวและแหย่สกัดบล็อกลูกยิงในเขตโทษเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก
โชคเหมือนจะเทมาข้าง “สิงห์ผยอง” เมื่อ ซิตี้ ผู้เล่นเจ็บไป 2 คนทั้ง ไคล์ วอล์กเกอร์ และ เควิด เดอ บรอยน์ ตัวสำคัญ โดยเป็นการ double kill โดย แจ็ค กรีลิช
ฝนที่ตกลมาตลอดทั้งเกมทำให้ “เรือใบ” มีปัญหาชัดเจนกับการทำให้บอลเชื่องเท้า ขนาดลูกกำลังได้ยิงจ่อๆ 2 หลาของ กุนโดกาน แต่พันแข้งพันขาจนเกมนี้มันชัดเจนว่าทรงแบ่งแต้มแหง๋ๆ
ครับเมื่อเบิกร่อง 1-0 จากความผิดพลาดของ มิงส์ ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นก่อนมาได้จุดโทษท้ายเกมทำให้ ซิตี้ กลับมาอยู่ในที่ๆคุ้นเคยพร้อมปรับแต่งตัวเลขเป็นทีมที่มีประตูได้เสียมากที่สุดในลีกไปเรียบร้อยแล้ว
ใครเห็นความหิวแสงของ “เรือใบ” ตั้งแต่นาทีแรกมันชัดเจนมากครับว่า เป๊ป กวาดิโอล่า ต้องการเช็กบิลเกมนี้เพื่อเปลี่ยนให้คู่แข่งเป็นฝ่ายไล่จับพวกเขาบ้างแล้วหลังอดทนรอมา 4 เดือนเต็ม
ซิตี้ ซีซั่นนี้อาจแปลกตากว่าครั้งไหนๆเพราะแนวรับคือหัวใจสำคัญของการขึ้นมายืนผงาดเป็นจ่าฝูง (แม้จะอยู่ได้เพียงแค่ 2 ชั่วโมงก็ตาม)
ณ เวลานี้เด็ก เป๊ป เป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุด (13 ลูก) เป็นเดอะ แบกในยามที่กองหน้าไม่ต้องไปคาดหวังอะไรมากเพราะ เชซุส ฟอร์มเน่ามากถึงขนาดที่ว่าต้องนั่งสำรองแล้วให้ แบร์นาโด้ ไปเล่นเป็น false 9
จอห์น สโตน กับ รูเบน ดิอาส โหดสัสโดยเฉพาะฝ่ายหลังโชว์การสกัดแบบ world class ที่ผมแนะนำให้ลองหาไฮท์ไลท์มาชมกัน
เหตุการณ์นาที 75 เมื่อ วิลล่า ได้จังหวะสวนและ โอลลี่ วัตกินส์ ได้ปาดบอลจากริมเขตโทษฝั่งซ้ายให้ แรมซีย์วิ่งมากำลังจะแปเผาขนโล่งๆ 6 หลา
แต่ที่ไม่น่าเชื่อของ ดิอาส แกล้มตัวสไลด์แบบนอนรอในจังหวะเดียวกับที่ โอลลี่ วัตกินส์ กลายเป็นสกัดบอลออกหลังหน้าตาเฉย
ร้อยทัั้งร้อยลูกแบบนี้ OG. แน่นอนครับ สไลด์หันหน้าเข้าหาประตูตัวเอง ผมให้เป็นจุดเปลี่ยนของเกมที่ วิลล่า ควรนำ 1-0 ไปก่อนด้วยซ้ำ
ครับมาถึงตรงนี้แล้วเราได้จ่าฝูงและรองจ่าฝูงเป็น 2 ทีมจากเมือง แมนเชสเตอร์ อย่างเป็นทางการหลังคู่สุดท้าย “ปีศาจแดง” เข้าฟอร์แมทเดิมอีกแล้วคือเล่นนอกบ้านโดนนำและแซงคืน
เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้กี่หนแล้วแต่มันไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไปแลัวในสายตาของ เร้ดอาร์มี่
ยูไนเต็ด เริ่มต้นได้ไม่ดีนักเพราะโดนบอลกันยังไม่ครบแค่ 5 นาทีก็โดนนำและเป็น วาน บิสซาก้า ที่ยืนต่ำจนทำให้ ลุคแมน หลุดโล่งไปยิง
แต่หลังจากนั้นก็เป็นรายการขย่มและขึงอยู่ข้างเดียวจนก่อนจบพักครึ่งอัตราการครองบอลเป็นทีมเยือนสูงปรี๊ดถึง 70 ต่อ 30
“จ่าฝูง” จวนเจียนเกือบยิงประตูเสมออยู่หลายครั้งหลายหนแต่กลับมาได้ส้มหล่นหลัง อัลฟอนส์ อเรโอล่า ล้มตัวรับลูกเปิดเลียดที่ไม่มีอะไรซองแตกจนทำให้ เอดิสัน คาวานี่ มาซ้ำง่ายๆ
“เจ้าสัวน้อย” อาการคล้ายๆ วิลล่า ครับโดน 2 แมนเชสเตอร์ เพรสจนแทบไม่ได้บุกอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ฟูแล่ม เหนื่อยกว่าหน่อยเพราะดันยึดแบบแผนการเล่นด้วยการตั้งเกมจากประตูตัวเองอย่างใจเย็น (คล้ายๆ ไบรจ์ตัน) ซึ่งก็ทำแบบนี้มาทุกนัดและทำได้ดีมาตลอด
เพียงแต่วันนี้ดันเป็น ยูไนเต็ด ซึ่งผมขอชมว่าช่วงหลังการเพรสไม่ใช่เพรสแบบก๋องๆแต่ใช้ physical ที่หนักดุดันจนฝ่ายตรงข้ามค่อนข้างบอบช้ำจากการเล่นลักษณะนี้
ประตูสุดสวยที่เป็น 3 แต้มสำคัญของ ป็อกบา ที่ยิงด้วยซ้ายแต่ปั่นโค้งๆซึ่งการที่ผู้เล่น ฟูแล่ม 3-4 คนไม่มีใครเข้าบีบจึงทำให้แข้งน้ำหอมมีเวลาเซ็ตท่าจากเดิมที่มองหาเพื่อนจ่ายเป็นขยับเพื่อปั่นได้อย่างเหมาะเหม็ง
10 เกมนอกบ้านชนะถึง 8 และยังไม่แพ้ใครยังเป็นทีเด็ดของลูกทีม โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มากกว่ายามเล่นในโอลด์แทรฟฟอร์ดถึง 12 แต้ม
ฤดูกาลนี้แปลกและเพี้ยนจนไม่อยากออกตัวอะไรเลย ครั้งหนึ่งเมื่อไม่กี่เดือนก่อน 2 ทีมจากเมือง แมนเชสเตอร์ นอนคุยกันอยู่กลางตารางแต่ตอนนี้กำลังห้ำหั่นเพื่อแย่งจ่าฝูงกันหน้าตาเฉย
คืนนี้ถือว่า “กองแช่ง” อดนอนฟรีกันไปครับ วิลล่า-ฟูแล่ม ช่วยอะไรไม่ได้เลยแต่กลัวหวยจะมาออกที่ เบิร์นลีย์ นี่สิครับ…
ที่มา: soccersuck