กลับตัวก็ไม่ได้ เดินต่อไปก็ไม่ถึง

กลับตัวก็ไม่ได้ เดินต่อไปก็ไม่ถึง

สถานการณ์ที่ เอริค เทน ฮาก กำลังเผชิญอยู่ทำให้ผมนึกถึงเพลง “กลับไม่ได้ไปไม่ถึง” ของพี่เบิร์ดขึ้นมาทันที

“กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง เหมือนมีอะไรที่ดึง ไม่ให้เราเลือกทางใด”

ท่อนฮุคตรงกับชีวิตเนื่องจาก ETH เป็นคนเลือกซื้อ อันเดร โอนาน่า มากับมือแถมเล่นกับไฟด้วยการตัดสินใจปล่อยตำนานอย่าง ดาบิด เด เกอา ไปแบบไม่ใยดี

ด้วยเหตุผลเพื่อต้องการเล่นบอลด้วยเท้าจากแดนหลังซึ่ง “ลามะ” ไม่ตอบโจทย์ที่ว่านี้

แต่ลูกน้องดันไม่ยอมทำงานตามที่เจ้านายสั่งเหมือนที่คุยกันไว้และดีไม่ดีอาจจะตกงานทั้งคู่ด้วย

ยาแรงที่ว่ากันว่าต้องสุดทนแล้วจริงๆก็คือหักด้ามพร้าดัน อัลตาย บายินเดียร์ มือ 2 วัย 25 ปีที่ซื้อมาจาก เฟเนร์บัคเช่

ถามคำเดียวกล้าไหม? มันก็ต้องไปกันจนสุดทางทั้งคู่แหละครับ ถึงบอกว่ามันกลับตัวก็ไม่ได้แล้ว

จากที่มีนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า “ปีศาจแดง” กำลังเจอจุดเปลี่ยนของซีซั่นหลังได้เล่นในบ้านรัวๆ 7 จาก 8 นัดหลังสุด

แต่ล่าสุดยังไม่อะไรเลยนี่คาบ้าน 2 นัดติดเข้าให้แล้วโดยสดๆร้อนๆเสียท่ากาลาตาซารายแบบที่ผมเองก็งงว่ามรึงแพ้ไปได้ยังไง เล่นแทบไม่มีอะไรเลย (มาคึกตอนที่มีตัวผู้เล่นมากกว่า)

ทุกท่านครับเกมนี้ โอนาน่า ได้สูญเสียความเชื่อมั่นในหมู่แฟนบอล “เร้ดอาร์มี่” อย่างเป็นทางการแล้ว

แม้กระทั่งผู้ที่เคย “ปกป้อง” อย่างเป็นเอาตายกลับยูเทิร์นหันมาเรียกร้องทวงคืน “ลามะ” กันถ้วนหน้า

ช่วงเวลาสำคัญนาที 76 การออกบอลหน้าประตูตัวเองสั้นเกินไปส่งผลกระทบเสียหายเป็นวงกว้างสุดๆ

“ผี” เสียจุดโทษแม้ เมาโร อิคาร์ดี้ จะยิงไม่เข้าแต่ “ใบแดง” ของ คาเซมิโร่ ที่ยอมพลีชีพทำฟาว์ลจากความผิดพลาดของรุ่นน้องก็ทำให้เสียเปรียบตัวผู้เล่นแบบฟ้าถล่ม

เฟอะฟะก็เรื่องนึงการไม่เซฟนี่ก็เข้าตาแฟนผีแทบทุกนัด ภาพจำติดตาโดนยิงเมื่อไหร่แทบตุงทุกเม็ด

แม้ในบางครั้งมันก็ไม่ใช่ความผิดของอดีตนายทวาร อินเตอร์ ซะทีเดียวแต่ในเมื่อคนก่อนอย่าง “ลามะ” โชว์ลูกเวอร์วังยื้อไม่ให้ทีมตามหลังและกลับมาพลิกชนะไม่รู้กี่ครั้ง

การเปรียบเทียบจึงเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ

To be fair ต่อ โอนาน่า ตอนนี้แนวรับ “ปีศาจแดง” เองก็ไม่ไหวจริงๆ เสียประตูง่ายมาก ง่ายจนน่าตกใจ

ไม่เคยได้ใช้ประโยชน์จากการขึ้นนำแบบจริงๆจังๆซักครั้งเดียว นำ 1-0 นาที 17 โดนตีเสมอนาที 23, นำ 2-1 นาที 67 โดนตีเสมอนาที 71 ก่อนจะมาพังนาที 81 คาบ้าน

กาลาฯ ปีนี้มีตัวผู้เล่นดังๆเยอะทั้ง ซาฮา, อิคาร์ดี้, ตอร์เรร่า (ครึ่งหลังลงมาเพียบทั้ง เอ็นดอมเบเล่, เมอร์เท่นส์) แต่รูปแบบการเล่นในครึ่งแรกกลวงจัด

ทีมเยือนแค่ต่อบอลขึ้นมาแป๊บๆก็เสีย มี ซาฮา คนเดียวที่พอวูบวาบแต่งานหยาบสุดๆคือปล่อยให้ กาลาฯ ได้โอกาสครั้งแรกเป็นประตูทันที!!

ทั้ง 3 ลูกนี่พลาดมอบตัวให้เขาง่ายๆเลย

ลูกแรกนี่โดนแบบโยนยาวลุ้นวัดดวงและต้องบอกว่า ดาโลท์ เสียเหลี่ยม วิลเฟร็ด ซาฮา ยื้อถูไถเบียดกันในเขตโทษแถมยิงแป๊กกระเด้งข้ามหัว โอนาน่า

ลูก 2 ลินเดอเลิฟ เพรสสูงใส่ อิคาร์ดี้ แต่แพ้เสียตำแหน่ง ตอนวิ่งกลับดัน “เรือเกลือ” สุดท้าย อัคเตอร์โคกลู ที่ออกตัววิ่งจากลายหญ้าพร้อมๆกันแซงไปเข้าฮอร์ตยิงเฉย

ลูก 3 นี่รัดทดโคตรๆ อัมราบัต ตัวสุดท้ายวางบอลยาวแต่ดันขาอ่อนแรง ระยะบอลไม่สูงพอโดนเขาโหม่งสวนกลับมาทีเดียวเป็น killer pass ให้ อิคาร์ดี้ หลุดเดี่ยวไปล่อเป้า

ตอนแรกงงเหมือนกางมุ้งคนเดียวแต่ไม่ล้ำ ภาพช้าอ่อ อัมราบัต เปิดบอลแล้ววิ่งขึ้นหน้าไม่ทัน

โดนแต่ละลูกคนเล่นท้อคนดูก็ท้อ

สถานการณ์ในรั้ว โอลด์แทรฟฟอร์ด น่าสนใจจริงๆครับว่าจะไปสุดทางที่ตรงไหนเพราะปัญหามันอยู่ที่ human error

จะแก้มันก็ต้องอยู่ที่ตัวนักเตะ โค้ชก็ทำได้แค่กระตุ้น, ย้ำและซัพพอร์ต แทบไม่มีอะไรการันตีว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก

ถ้าแนวรับอ่อนแอแบบนี้จะรับมือกับ เบรนท์ฟอร์ด ในบ้านตัวเองวันเสาร์นี้ยังไงครับ ทีมของ โธมัส แฟร็งค์ เป็นบอล direct และเล่นดีนอกบ้านซะด้วย ฝากไว้ให้คิดครับ

น่าเสียดายมาก เกมนี้ไฮท์ไลท์ควรจับไปที่ ราสมุส ฮอยลุนด์ ซึ่งพิสูจน์ตัวเองว่าเป็น “ของแทร่” และกองหน้าหมายเลข 9 ที่แฟนผีตามหามานาน

2 คุณสมบัติที่เห็นๆวันนี้คือสัญชาตญาณการโหม่งที่จุดนัดพบกับความไวที่เลี้ยงบอลแต่ดันวิ่งไวกว่ากองหลังที่มาตัวเปล่า

ที่สำคัญความนิ่งและเลือดเย็นอันเป็นพรสวรรค์ของพวกกองหน้าระดับโลก ยิงชิพเบาๆข้ามตัวผู้รักษาประตูแบบวินนิ่งภาคเก่า เก๋าเกินวัย!!

แมนฯยูไนเต็ด ไม่มีหน้าเป้าที่ครบเครื่องแบบนี้มานานแล้ว เป็นการรอคอยที่คุ้มค่าอย่างที่สุด

แต่จะว่าไปแล้วแอบสงสารทั้ง ฮอยลุนด์ และแฟนบอลที่ “หากันจนเจอ” ทั้งทีดันมาพบรักกันหน้าห้องน้ำ

ไม่โรแมนติกเอาซะเลยพับผ่าสิ…

สถิติ สถิติ สถิติ

ราสมุส ฮอยลุนด์ (20 ปี 241 วัน) เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูใน 2 เกมแรกที่ลงเล่นใน UCL นับตั้งแต่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เคยทำได้เมื่อปค 2019 (19 ปี 73 วัน)

แมนฯยูฯ เสีย 18 ประตูใน 10 เกมทุกรายการฤดูกาลนี้ เป็นการโดนยิงมากที่สุดหลังผ่าน 10 เกมของพวกเขานับตั้งแต่ฤดูกาล 1966-67 (20 ลูก)

เป็นหนแรกในประวัติศาตร์ของ ยูไนเต็ด ที่แพ้ 2 เกมแรกติดต่อกันในรายการ UCL

แมนฯยูฯ แพ้ 7 จาก 14 เกมหลังสุดใน UCL ที่ โอลด์แทรฟฟอร์ด (ชนะ 5 เสมอ 2) ซึ่งเป็นตัวเลขเท่ากับสมัยก่อนที่กว่าจะแพ้ 7 นัดต้องเล่นมากถึง 96 เกมเลยทีเดียว (ชนะ 67 เสมอ 22)

“ปีศาจแดง” ส่งนักเตะแอฟริกันลงตัวจริงพร้อมกัน 3 คนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ได้แก่ อันเดร โอนาน่า (แคเมอรูน), ฮันนิบาล เมจบรี (ตูนิเซีย) และ โซฟียาน อัมราบัต (โมร็อคโก)

หลังยิงประตูใส่ แมนฯยูฯ ไม่ได้มา 11 เกมแรกที่ลงเล่นตอนนี้ วิลเฟร็ด ซาฮา ยิง ยูไนเต็ด 4 ลูกใน 5 เกมหลังสุดเข้าให้แล้ว

นี่คือชัยชนะเกมเยือนหนแรกใน UCL ของ กาลาตาซาราย นับตั้งแต่บุกไปเอาชยะ ชาลเก้ ด้วยสกอร์เดียวกัน 3-2 เมื่อปี 2013 และยังเป็นครั้งแรกที่พวกเขายิงประตูในเกมเยือนนับตั้งแต่ยิง เบนฟิก้า เมื่อปี 2015 นับแล้ว 7 เกมรวดเป้าสะอาดก่อนมารัวที่ โอลด์แทรฟฟอร์ด

ที่มา: soccersuck