จุดโทษช่วยชีวิต “ผี” น่าแพ้แต่ไม่แพ้

จุดโทษช่วยชีวิต “ผี” น่าแพ้แต่ไม่แพ้

ถ้าการใช้โอกาสเปลืองของ ลิเวอร์พูล เกิดขึ้นจนเป็นเรื่องปกติก็ต้องบอกว่าการเสียประตูหมูหกของ แมนฯยูฯ คือของมันต้องมีเช่นกัน

2 ลูกที่เสียให้ บอร์นมัธ คือมาจากความหละหลวมในเกมรับของลูกทีม ETH ที่แฟน ยูไนเต็ด เห็นกันจนเอือมระอา

อย่างไรก็ตามในเกมที่ไม่น่ารอดแต่ท้ายที่สุด ยูไนเต็ด กลับเสมอได้ทั้งๆที่ บอร์นมัธ นวดแล้วนวดอีกเกือบโดนลูก 3 ด้วยซ้ำ

เหตุการณ์อะไรพวกนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนตอนนี้หล่นไปอยู่ที่ 7 ประตูได้เสียยังติดลบ 1 กับอีก 6 เกมที่เหลืออยู่

ลูกนี้เกิดขึ้นในขณะที่กำลังจะได้บุกตรงกลางสนามแท้ๆ การ์นาโช่ จับบอลลั่นครั้งเดียวถูก โซลันกี้ ยิงหน้าตาเฉย

รวมถึงลูก 2 ที่ ดาโลท์ และเจ้าหนู คัมบ์วาล่า เกี่ยงกันเล่นรวมถึง “ชี้” เกี่ยงกันเล่น (อีกแล้ว) จนกระทั่งโดน ไคลเวิร์ต ลากไปยิงง่ายเกิ๊นนน

จากภาพช้า ดาโลท์ กำลังคุมปีกอยู่ส่วน คัมบ์วาล่า ไม่มีคู่และควรต้องรับผิดชอบโล้ตามบอล

อย่างไรก็ตามเกมที่ดูเหมือนไม่น่ารอดแต่เป็นอีกครั้งเช่นกันที่ “ปีศาจแดง” ใช้แต้มบุญหลังตามตีเสมอ 2 ครั้ง 2 คราโดยเฉพาะลูกจุดโทษสุดมึนงง

ความซวยของเจ้าถิ่นที่ว่ากันตามกฏหากบอลแฉลบอวัยวะส่วนใดหรือผู้เล่นคนไหนแล้วมาถูกแขนจะไม่นับเป็นแฮนด์บอล

แต่ด้วย reaction โดยไม่ตั้งใจบอลกำลังจะเลยทำให้ อดัม สมิธ ลืมตัวเหวี่ยงแขนเพื่อเล่นลูกนี้ จึงเป็นความซวยที่เสียจุดโทษลูกนี้ไปซะอย่างงั้น

ในขณะเดียวกันช่วงที่ “เดอะ เชอร์รี่ส์” นำ 2-1 สมควรเช็กบิลจากลูกโหม่งชนคานและลูกเซฟมือเดียวของ โอนาน่า

รวมถึงจังหวะเกือบปลิดชีพช่วงทดเจ็บเมื่อ บอร์มัธ ได้จุดโทษก่อน VAR ยืนยันว่าเป็นการทำฟาว์ลนอกเขตโทษ หาไม่แล้วเสียงก่นด่าน่าจะหนักกว่านี้แน่นอน

สรุปแล้วเกมนี้มีเส้นบางๆที่บอร์นมัธฆ่ายูไนเต็ดไม่ตายทำให้ว่ากันว่าเกมที่เล่นได้ดีที่สุดเกมหนึ่งในฤดูกาลนี้จบลงเพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้น

หากใครสังเกตตั้งแต่ต้นเกมจะเห็นได้ว่าเมื่อมีการจ่ายบอลกลับไปยังหน้าปากประตูฝั่ง บอร์นมัธ จะมีน้ำกระเซ็นขึ้นมาคล้ายกับมีน้ำเจิ่งนองมากเกินไป

ใช่ครับ…ช่วงพักครึ่งผมแว่บไปดูสื่อนอกปรากฏมีพูดถึงเรื่องนี้โดยแฟน “ปีศาจแดง” ไม่แฮปปี้ที่เจ้าถิ่นวางยาใช้แท็คติกส์โบราณด้วยการรดน้ำหน้าประตูฝั่งที่ ยูไนเต็ด จะต้องเป็นฝ่ายบุก

ในขณะที่หน้ากรอบประตูของ “ปีศาจแดง” ปกติดีทุกอย่าง

แต่ท้ายที่สุดเป็นข้อสังเกตเฉยๆเพราะหลักๆแล้ว “เร้ดอาร์มี่” หงุดหงิดกับวิธีการเล่นของทีมตัวเองมากกว่าจะเป็นเรื่องพื้นสนาม

เช่นเดียวกันการฉายแสงของ โซลันกี้ ที่ซีซั่นนี้พัฒนาตัวเองขึ้นมาไกลมากจนบอร์นมัธเล็กเกินสำหรับเขาไปแล้ว

อดีตหอก ลิเวอร์พูล เพิ่งทำสถิติใหม่ยิงประตูให้ บอร์นมัธ เป็นลูกที่ 17 ซึ่งมากที่สุดใน 1 ซีซั่นแซงหน้า จอช คิง ที่เคยทำไว้ 16 ประตูเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน

การอัพเวลการเล่นของ โซลันกี้ ในซีซั่นนี้ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดได้ย้ายซัมเมอร์นี้แหละครับ ในวัย 26 ปีถือเป็นช่วงพีคแล้ว

เท่าที่ดูยืนหน้าเป้าพักบอลได้และสามารถลงมาล้วงต่ำแกะเพรสเพื่อสวนกลับได้ดีไม่แพ้กัน

ผมขอชี้ไปให้ไปหาดูจังหวะสวยๆในนาที 33 ที่ลงไปล้วงในแดนตัวเองตรงริมเส้นที่ตัวเองถูกกองหลังตามสิงมาด้วยแต่ด้วยไหวพริบทำชิ่งจังหวะเดียวกับ เคอร์เคซ แบ็คซ้ายที่เปลี่ยนจากมุมอับไม่น่าไปไหนได้แล้วให้เป็นการสวนกลับ

ก่อนที่ โซลันกี้ คนเดิมจะเติมขึ้นมาแล้วแทง killer pass ให้ ออตตาร่า หลุดไปยิงบอลถากเสาไกล ผมชอบจังหวะนี้ของเด็กเก่า “หงส์”

สเปอร์ส หรือ อาร์เซนอล เหมาะกับ โซลันกี้ มากๆนะในมุมมองผม

ครับผลเสมอ 2-2 ที่ ณ ตอนนี้ ยูไนเต็ด ตามหลังพื้นที่ UCL ห่างถึง 10 แต้มซึ่งจะว่าไปแล้วเท่า นิวคาสเซิ่ล แต่ความรู้สึกกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง

ฤดูกาลนี้เป็นปีที่แฟนผีอยากกดเร่งให้จบไวที่สุด ผมดูแล้วยังหงุดหงิดแทนแถมยังต้องมานั่งกลุ้มใจกับการสร้างทีมของ ETH ที่ดูแล้วมองไม่เห็นอนาคตเลยจริงๆ…

ที่มา: soccersuck