ย้อนรอย 5 แมตช์สุดคลาสสิก บาเลนเซีย vs เรอัล มาดริด

#SSxLaLiga | มาดริด และบาเลนเซีย 2 เมืองใหญ่ที่มีเรื่องราวด้านประวัติศาสตร์ที่สำคัญต่อประเทศสเปน รวมถึงด้านกีฬาฟุตบอล ที่มีสโมสรที่ประสบความสำเร็จสูงสุดเป็นตัวแทนของแต่ละเมือง

ศึกลาลีกา สเปน เกมสำคัญในคืนวันเสาร์ที่ 2 มีนาคม เวลา 03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่าง บาเลนเซีย ที่จะเปิดถิ่นเมสตาย่า สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของเรอัล มาดริด

แม้ในปัจจุบัน สถานะของบาเลนเซีย และเรอัล มาดริด จะแตกต่างกันมาก แต่พบกันครั้งใด ก็เป็นเกมที่ทั้งคู่ต่างต้องการชนะ และนี่คือ 5 เกมที่ถูกยกให้เป็นที่สุดแห่งความทรงจำระหว่าง 2 สโมสรนี้

25 ธันวาคม 1932 : เรอัล มาดริด 6 – 0 บาเลนเซีย

วันคริสต์มาส ปี 1932 เรอัล มาดริด เปิดรังชามาร์ติน สเตเดี้ยม พบกับบาเลนเซีย ซึ่งในเวลานั้น “ราชันชุดขาว” มีผู้รักษาประตูดาวรุ่งอย่างริคาร์โด้ ซาโมร่า และชื่อของเขาก็ถูกนำไปตั้งเป็นรางวัลนายทวารยอดเยี่ยมของลาลีกา

ในเกมนี้เจ้าบ้านโชว์ฟอร์มโหด ได้ประตูจากมานูเอล โอลิวาเรส (2 ประตู), ฮวน ฮิลาริโอ (2 ประตู), ยูเจนิโอ ฮิลาริโอ และหลุยส์ เรเกโร่ ซึ่งบทสรุปหลังจบฤดูกาล เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ ส่วนโอลิวาเรส เป็นดาวซัลโวประจำซีซั่น

13 เมษายน 1947 : เรอัล มาดริด 2 – 4 บาเลนเซีย

เกมรองสุดท้ายของลาลีกา ฤดูกาล 1946/47 บาเลนเซีย บุกไปชนะ 4 – 2 จากแฮตทริกของบิเซนเต้ โมเรร่า รวมถึง 1 ประตูจากซิลเบสเต้ อิโกอา ส่วนเรอัล มาดริด ได้มา 2 ประตู จากหลุยส์ โมโลว์นี่ย์ และพรูเด็นซิโอ ซานเชซ

และในนัดปิดฤดูกาล บาเลนเซีย เอาชนะเรอัล สปอร์ติ้ง 6 – 0 ทำให้มีคะแนนขึ้นมาเท่ากับแอธเลติก บิลเบา แต่ “เจ้าค้างคาว” คว้าแชมป์ด้วยผลงานเฮด-ทู-เฮด ที่ดีกว่า และเป็นการเถลิงโทรฟี่ลีกสูงสุด สมัยที่ 3 ในรอบ 6 ซีซั่น

12 กันยายน 1970 : เรอัล มาดริด 2 – 0 บาเลนเซีย

นัดเปิดซีซั่น 1970/71 อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ อดีตตำนานแข้งเรอัล มาดริด ผู้คว้าแชมป์ลาลีกา 8 สมัย และแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ 5 สมัย กลับมาเยือนถิ่นซานติอาโก้ เบอร์นาเบวเป็นครั้งแรก ในฐานะผู้จัดการทีมคนใหม่ของบาเลนเซีย

แต่ทว่า ดิ สเตฟาโน่ พาทีมแพ้ 0 – 2 โดย “โลส บลังโกส” ได้ 2 ประตูจากเปร์รี่ อดีตเพื่อนร่วมทีมของเขา อย่างไรก็ตาม หลังจากปราชัยในวันนั้น “โลส เช” ก็ทำแต้มไต่อันดับมาเรื่อยๆ ก่อนจบซีซั่นด้วยการคว้าแชมป์ลาลีกา สมัยที่ 4

3 เมกราคม 2016 : บาเลนเซีย 2 – 2 เรอัล มาดริด

แมตช์แรกของปี 2016 ที่เมสตาย่า สเตเดี้ยม เต็มไปด้วยเหตุการณ์ดราม่า คาริม เบนเซม่า ยิงให้เรอัล มาดริด ออกนำไปก่อน แต่ดานี่ ปาเรโฆ สังหารจุดโทษเป็นประตูตีเสมอ 1 – 1 ให้กับบาเลนเซีย และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

เข้าสู่ครึ่งหลัง ในนาทีที่ 69 ราชันชุดขาว เหลือผู้เล่น 10 คน มาเตโอ โควาซิซ ถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม แต่ในช่วงท้ายเกม ผู้มาเยือนทำประตูกลับขึ้นนำอีกครั้ง เมื่อโทนี่ โครส เปิดลูกฟรีคิก และเป็นแกเร็ธ เบล ที่โหม่งตุงตาข่าย

เกมทำท่าว่าทีมของราฟาเอล เบนิเตซ จะเป็นผู้ชนะ แต่อีก 1 นาทีต่อมา เจ้าค้างคาวไล่ตีเสมอ 2 – 2 จากลูกโหม่งของปาโก้ อัลกาเซร์ และทีมของแกรี่ เนวิลล์ เกือบได้ประตูชัย อัลบาโร่ เนเกรโด้ ยิงไปติดเซฟของเคย์เลอร์ นาบาส

15 ธันวาคม 2019 : บาเลนเซีย 1 – 1 เรอัล มาดริด

ก่อนที่ลาลีกาจะพักเบรกช่วงฤดูหนาว ในเดือนธันวาคม ปี 2019 เกมที่เมสตาย่า สเตเดี้ยม อัลเบิร์ต เซบาเดส เฮดโค้ชบาเลนเซีย ดวลฝีมือกับซีเนอดีน ซีดาน เทรนเนอร์เรอัล มาดริด ซึ่งทั้ง 2 ประตูในเกมนี้ เกิดขึ้นในครึ่งหลัง

นาทีที่ 78 เจ้าบ้านยิงออกนำไปก่อน จากคาร์ลอส โซแลร์ อย่างไรก็ตาม ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ราชันชุดขาวได้ลูกเตะมุม ติโบต์ กูร์กตัวส์ นายทวารผู้มาเยือน ตัดสินใจขึ้นมาช่วยเพื่อนร่วมทีมเพื่อหาทางทำประตูตีเสมอให้ได้

กูร์กตัวส์ ได้โอกาสโหม่งบอล จาอูเม่ โดเมเนช ผู้รักษาประตูของบาเลนเซีย ต้องออกแรงเซฟ แต่บอลมาเข้าทางคาริม เบนเซม่า ซัดตุงตาข่ายในนาทีที่ 90+5 เรอัล มาดริด บุกมาแบ่ง 1 คะแนนออกมาจากถ้ำค้างคาวแบบสุดระทึก

บาเลนเซีย ยังมีหวังที่จะลุ้นไปฟุตบอลยุโรป หากสามารถเก็บ 3 แต้มได้ แถมยังมีเกมตกค้างอยู่ในมือ 1 นัด ขณะที่ชัยชนะของเรอัล มาดริด จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการคว้าแชมป์ลาลีกาให้สูงขึ้นไปอีก

ที่มา: soccersuck