5 สิ่งที่ ‘ทีมชาติไทย’ ได้จาก ‘เกาหลีใต้’

จบลงไปเรียบร้อยกับผลงานของทัพ “ช้างศึก” ในการดวลกับ “โสมขาว” ที่ สามารถสร้างเซอร์ไพรส์เก็บได้ 1 แต้มในเกมเยือน ก่อนจะมาปราชัยคาบ้านในเกมเหย้าล่าสุด

จาก 2 นัดที่ผ่านมา ทีมชาติไทย ได้อะไรบ้างจาก เกาหลีใต้

1.ได้ดวลกับแข้งระดับโลก

เกาหลีใต้ คือทีมหัวแถวในระดับเอเชีย และขยับมาตรฐานไปอยู่ในกลุ่มทีมระดับโลก ด้วยผู้เล่นชุดปัจจุบันที่อุดมไปด้วยนักเตะที่ค้าแข้งในลีกยุโรป และไม่ได้เป็นแค่ตัวสำรอง แต่เป็นกำลังสำคัญของสโมสร ไม่ว่าจะเป็น ซน ฮึง มิน สตาร์เบอร์หนึ่งของเอเชีย ที่เป็นถึงกัปตันทีม ทอตแนม ฮอต สเปอร์, อี คัง อิน แนวรุกพรสวรรค์สูง ที่เล่นร่วมกับ คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ในเปแอสเช หรือ คิม มิน แจ เซนเตอร์ฮาล์ฟผู้พา นาโปลี คว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา ได้เป็นหนแรกในรอบ 33 ปี ก่อนย้ายไป บาเยิร์น มิวนิค นี่คือกลุ่มนักเตะที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น “ของจริง” ซึ่งการได้เผชิญหน้ากับแข้งระดับโลกแบบตัวต่อตัวแบบนี้ จึงเป็นประสบการณ์ล่ำค่าที่นักเตะไทยจะได้นำมาพัฒนาตนเองต่อไปในอนาคต

2.ได้เรียนรู้ความเป็นมืออาชีพ

จุดแข็งอันเป็นเอกลักษณ์ของ เกาหลีใต้ ในทุกยุคทุกสมัยก็คือ “วินัย” ที่เข้มข้น และมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันสูงลิ่ว ด้วยวัฒนธรรมของประเทศที่เน้นย้ำถึงเรื่องระบบอาวุโส จึงทำให้ผู้เล่นในทีมแทบไม่มีการแตกแถว แม้ล่าสุดใน เอเชียน คัพ 2023 จะมีข่าวทะเลาะกันระหว่าง ซน ฮึง มิน กับ อี คัง อิน แต่ก็ได้รับการแก้ไขแบบฉับพลันทันท่วงที นี่คือสิ่งที่ทำให้พวกเขาค่อย ๆ พัฒนาจากทีมระดับทวีปสู่ระดับโลกในปัจจุบัน

3.ได้แสดงให้คู่แข่งเห็นว่าเราก็มีดีเช่นกัน

แม้ฟีฟ่าแรงกิ้ง ทีมชาติไทย จะห่างไกลจาก เกาหลีใต้ ถึง 79 อันดับ (101-22) แต่นักเตะไทยก็ได้แสดงให้เห็นด้วยการเล่นตามแท็กติก จนได้ผลลัพธ์ที่เซอร์ไพรส์ในเกมแรก โดยเฉพาะผลงานของ มาซาทาดะ อิชิอิ แม้จะเข้ามารับตำแหน่งเฮดโค้ชได้เพียงแค่ 3 เดือน ทว่าแสดงให้เห็นถึงมันสมองอันปราดเปรื่องในการคุมทัพช้างศึกต่อกรกับทีมชั้นนำของทวีปได้แบบน่าประหลาดใจ และแสดงให้ คู่แข่งเห็นถึงศักยภาพของนักเตะไทยก็มีดีเช่นกัน

4.ได้ปลุกกระแสฟุตบอลไทยกลับมาอีกครั้ง

ห้วงเวลา 6-7 ปี ที่ผ่านมา ผลงานของทัพช้างศึกดร็อปลงอย่างน่าใจหาย ไม่ว่าจะทีมชุดใหญ่หรือเยาวชน ต่างก็เผชิญกับช่วงที่ย่ำแย่ แม้กระทั่งในระดับอาเซียน ก็ถูกเพื่อนบ้านขยับแซงแบบน่าปวดใจ ส่วนในเอเชียแทบไม่ต้องพูดถึง จนกระทั่งการเข้ามาของ อิชิอิ ได้ปลุกปั้นผลงานของทีมชาติให้ดูดีแบบต่อเนื่องในช่วงเวลาไม่นาน นับจาก เอเชียน คัพ 2023 มาจนถึงการบุกไปคว้า 1 แต้มจาก เกาหลีใต้ นั่นทำให้ ศรัทธา ฟื้นคืนชีพ เห็นได้ชัดจากตั๋วเข้าชมเกมที่ ราชมังคลากีฬาสถาน กว่า 45,000 ที่นั่ง ถูกจับจองหมดเกลี้ยงตั้งแต่ก่อนไปเยือน โซล เวิลด์ คัพ สเตเดี้ยม ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร แสดงให้เห็นถึงพลังแห่งศรัทธาฟุตบอลไทยกลับมาอีกครั้ง

5.ได้กลับมาอยู่ในโลกความจริง

ความพ่ายแพ้คาบ้านต่อ เกาหลีใต้ 0-3 ช่วยปลุกแฟนบอลหลายคนให้ตื่นจากฝัน และกลับมายอมรับความจริงว่า ทีมชาติไทยยังห่างจากระดับหัวแถวเอเชีย เพราะยังขาดความแข็งแกร่ง แรงปะทะ และเกมโต้กลับที่เฉียบคม ถ้าคิดจะเน้นรับแล้วโต้ ในขณะที่ อิชิอิ ก็ไม่ใช่กุนซือเทวดาที่จะเสกบอลไทยไปบอลโลกได้ในพริบตา สมาคมฯต้องให้เวลาและไม่แทรกแซง ที่สำคัญ สมาคมฯต้องเร่งสร้างรากฐาน หันมาใส่ใจจริงจัง ไม่หวังแค่น้ำบ่อหน้า ควรเอาเงินอัดฉีดมาพัฒนาเยาวชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการล่าฝัน 4-8 ปีข้างหน้า แต่ถ้าสมาคมฯชุดใหม่ยังจะบริหารงานแบบไทยแลนด์สไตล์ มุ่งหวังแค่ชุดใหญ่ ก็คงยากที่จะได้เห็น “บอลไทยไปบอลโลก”

ที่มา: soccersuck